ตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นสมควรให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นและผู้บริหารท้องถิ่นของเมืองพัทยา อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๒๒ แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง พ.ศ. ๒๕๖๐ และมาตรา ๑๔๒ แห่งพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ. ๒๕๖๒ คณะกรรมการการเลือกตั้งจึงออกประกาศกำหนดให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาเมืองพัทยาและนายกเมืองพัทยา โดยให้จัดการเลือกตั้งสมาชิกสภาเมืองพัทยาและนายกเมืองพัทยาภายในหกสิบวันนับแต่วันที่คณะกรรมการการเลือกตั้งประกาศกำหนดให้มีการเลือกตั้ง อันเป็นวันที่สมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่นพ้นจากตำแหน่งเพราะเหตุอื่นใดนอกจากครบวาระ ตามมาตรา ๑๑ แห่งพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ. ๒๕๖๒ ประกอบมาตรา ๒๘ แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการเมืองพัทยา (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๖๒
คณะกรรมการการเลือกตั้งได้ประกาศกำหนดให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาเมืองพัทยาและนายกเมืองพัทยา ในวันศุกร์ที่ ๒๕ มีนาคม ๒๕๖๕ วันเลือกตั้งในวันอาทิตย์ที่ ๒๒ พฤษภาคม ๒๕๖๕ และวันรับสมัครระหว่างวันพฤหัสบดีที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๖๕ ถึงวันจันทร์ที่ ๔ เมษายน ๒๕๖๕ นั้น
พระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ. ๒๕๖๒ มาตรา ๔๙ ประกอบมาตรา ๒๘ แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการเมืองพัทยา (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๖๒ ได้กำหนดคุณสมบัติของผู้สมัครรับเลือกตั้งและหลักฐานเอกสารประกอบการสมัครรวมถึงค่าธรรมเนียมการสมัครไว้ ดังต่อไปนี้
๑. สมาชิกสภาเมืองพัทยา
๑.๑ คุณสมบัติผู้มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาเมืองพัทยา
(๑) มีสัญชาติไทยโดยการเกิด
(๒) อายุไม่ต่ำกว่า ๒๕ ปีนับถึงวันเลือกตั้ง
(๓) มีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านในเขตเมืองพัทยาในวันสมัครรับเลือกตั้งเป็นเวลาติดต่อกันไม่น้อยกว่า ๑ ปีนับถึงวันสมัครรับเลือกตั้ง
(๔) ต้องไม่เป็นบุคคลซึ่งมีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งตามมาตรา ๕๐ แห่งพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ. ๒๕๖๒
๑.๒ ค่าธรรมเนียมการสมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาเมืองพัทยา
จำนวน ๕,๐๐๐ บาท
๒. นายกเมืองพัทยา
๒.๑ คุณสมบัติผู้มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้งนายกเมืองพัทยา
(๑) มีสัญชาติไทยโดยการเกิด
(๒) อายุไม่ต่ำกว่า ๓๕ ปีนับถึงวันเลือกตั้ง
(๓) มีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านในเขตเมืองพัทยาในวันสมัครรับเลือกตั้งเป็นเวลาติดต่อกัน
ไม่น้อยกว่า ๑ ปีนับถึงวันสมัครรับเลือกตั้ง
(๔) สำเร็จการศึกษาไม่ต่ำกว่าปริญญาตรีหรือเทียบเท่า
(๕) ต้องไม่เป็นบุคคลซึ่งมีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งตามมาตรา ๕๐
แห่งพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ. ๒๕๖๒
๒.๒ ค่าธรรมเนียมการสมัครรับเลือกตั้งนายกเมืองพัทยา
จำนวน ๑๐,๐๐๐ บาท
๓. หลักฐานการสมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาเมืองพัทยาและนายกเมืองพัทยา
(๑) ใบสมัครรับเลือกตั้ง ตามแบบ ส.ถ./ผ.ถ. ๔/๑
(๒) รูปถ่ายหน้าตรงไม่สวมหมวก หรือรูปถ่ายที่พิมพ์ชัดเจนเหมือนรูปถ่ายของตนเอง ขนาดความกว้างประมาณ ๘.๕ ซม. ยาวประมาณ ๑๓.๕ ซม. จำนวน ๑๐ รูป
(๓) บัตรประจำตัวประชาชน พร้อมสำเนา จำนวน ๑ ฉบับ
(๔) สำเนาทะเบียนบ้านฉบับเจ้าบ้าน พร้อมสำเนา ๑ ฉบับ
(๕) ใบรับรองแพทย์ (ไม่ควรเกิน ๑ เดือน)
(๖) หลักฐานการศึกษา ไม่ต่ำกว่าปริญญาตรีหรือเทียบเท่า (เฉพาะสมัครรับเลือกตั้งนายกเมืองพัทยา)
(๗) หลักฐานแสดงการเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาเป็นเวลาติดต่อกัน ๓ ปีนับถึงปีที่สมัครรับเลือกตั้งของผู้สมัคร (ปี ๒๕๖๒, ปี ๒๕๖๓, ปี ๒๕๖๔) เว้นแต่เป็นผู้ไม่ได้เสียภาษีเงินได้ให้ทำหนังสือยืนยันการไม่ได้เสียภาษีพร้อมทั้งสาเหตุแห่งการไม่ได้เสียภาษี ตามแบบ ส.ถ./.ผ.ถ. ๔/๒ (ตามมาตรา ๕๑ แห่งพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ. ๒๕๖๒)
(๘) หลักฐานอื่น ๆ ที่จำเป็นเช่น เอกสารใบเปลี่ยนชื่อตัว หรือชื่อสกุล สูติบัตร หลักฐานหรือใบรับรองแสดงการเกิด ถิ่นที่อยู่ พร้อมสำเนา จำนวน ๑ ฉบับ เป็นต้น
๔. การสมัครรับเลือกตั้ง
ให้ผู้สมัครยื่นใบสมัครต่อผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำท้องถิ่นเมืองพัทยา พร้อมทั้งหลักฐาน การสมัครและค่าธรรมเนียมการสมัคร และผู้สมัครต้องยื่นหลักฐานการเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาเป็นเวลาติดต่อกัน ๓ ปี นับถึงปีที่สมัครรับเลือกตั้ง เว้นแต่เป็นผู้ไม่ได้เสียภาษีเงินได้ให้ทำหนังสือยืนยันการไม่ได้เสียภาษีพร้อมทั้งสาเหตุแห่งการไม่ได้เสียภาษี
๕. สถานที่รับสมัคร
ห้องประชุมทัพพระยา (๔๐๑) ชั้น ๔ ศาลาว่าการเมืองพัทยา อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี
อนึ่ง การสมัครรับเลือกตั้งโดยรู้ว่าตนเองขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามในการสมัครมีโทษตามมาตรา ๑๒๐ ที่บัญญัติว่า ผู้ใดลงสมัครรับเลือกตั้งโดยรู้อยู่แล้วว่าตนเป็นผู้ขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามในการสมัครรับเลือกตั้ง ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ ๑ ปี ถึง ๑๐ ปี และปรับตั้งแต่ ๒๐,๐๐๐ บาท ถึง ๒๐๐,๐๐๐ บาท และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของผู้นั้นมีกำหนด ๒๐ ปี