Election Commission of Thailand

พระราชพิธีสมมงคล ในหลวงรัชกาลที่ 10 พระชนมายุ 26,469 วัน เท่ารัชกาลที่ 1

ข่าวประชาสัมพันธ์ กกต.

13 มกราคม 2568

1073/

0

พระราชพิธีสมมงคล” (สะ–มะ-มง-คน) พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเจริญพระชนมายุ 26,469 วัน เท่าพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช โดยในสมัยรัชกาลที่ 9 เคยจัดพิธีในลักษณะเดียวกันมาแล้วถึง 4 ครั้ง

วันที่ 14 มกราคม 2568 นี้ นับเป็นมหามงคลสมัยพิเศษยิ่ง เมื่อพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงเจริญพระชนมายุ 26,469 วัน เป็นวันสมมงคล (สะ–มะ-มง-คน) เท่าพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช สมเด็จพระปฐมบรมกษัตริยาธิราช แห่งพระบรมราชจักรีวงศ์ รัฐบาลพร้อมด้วยทุกภาคส่วนจึงจัดพิธีบำเพ็ญกุศล และงานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสสำคัญดังกล่าว ตามโบราณราชประเพณี

 

สมมงคล หมายถึง เสมอกัน

กรมประชาสัมพันธ์ ระบุว่า การบําเพ็ญพระราชกุศลถวายแด่สมเด็จพระบรมราชบูรพการี เป็นราชประเพณีที่ถือปฏิบัติสืบกันมาช้านาน พระมหากษัตริย์ทุกพระองค์จะทรงอนุสรณ์คํานึงถึงพระราชกรณียกิจของสมเด็จพระบรมราชบูรพการีในวาระต่าง ๆ โดยโอกาสที่เวียนมาเป็นครั้งแรกมักเรียกว่า “สมมงคล” หรือ “สมภาคา” ซึ่งหมายถึง “เสมอกัน” และถ้าเวียนมาเป็นครั้งที่สองเรียกว่า “ทวิภาคา” หรือ “ทวีธาภิเษก”

 

โดยปรากฏแนวปฏิบัติเกี่ยวกับพระราชพิธีลักษณะนี้ ตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 4 และรัชกาลที่ 5 ที่บําเพ็ญพระราชกุศลถวายแด่สมเด็จพระบรมราชบูรพการีของพระมหากษัตริย์ในพระบรมราชจักรีวงศ์ นอกจากโอกาสวันดํารงสิริราชสมบัติเวียนมาพ้องกับวันสําคัญดังที่กล่าวมาแล้ว ยังมีพระราชประเพณีที่ทรงถือปฏิบัติในอีกหลายวาระ และวาระหนึ่งที่สําคัญ คือ วันที่พระชนมพรรษาเวียนไปเสมอเท่ากัน และ วันที่พระชนมพรรษามากกว่าพระมหากษัตริย์พระองค์ใดพระองค์หนึ่งในรัชกาลที่ล่วงไปแล้ว

 

ถือเป็นภาพลักษณ์ แสดงวัฒนธรรมที่ดีงามของพระมหากษัตริย์ไทย ในการที่ทรงสร้างแบบอย่างความกตัญญูกตเวทิตา แสดงความเคารพรําลึกถึงบรรพชนปู่ย่าตายายที่ประกอบคุณความดีไว้แก่บ้านเมือง ให้ราษฎรยึดถือเป็นแบบแผนพระราชประวัติ พระปรีชาสามารถ และที่ได้ทรงประกอบพระราชกรณียกิจนําความร่มเย็นเป็นสุขมาสู่อาณาประชาราษฎร์และความเจริญรุ่งเรืองมาสู่บ้านเมือง

 

พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช มีพระนามเดิมว่า ด้วง หรือ ทองด้วง ประสูติในสมัยกรุงศรีอยุธยา เมื่อวันพุธที่ 20 มีนาคม พ.ศ. 2279 ตรงกับแรม 5 ค่ำ เดือน 4 ปีมะโรง จุลศักราช 1098 ในรัชสมัยพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ (พ.ศ. 2275 – 2301) ทรงเป็นบุตรพระอักษรสุนทร (ทองดี) ข้าราชการกรมอาลักษณ์ ซึ่งสืบเชื้อสายมาจากเจ้าพระยาโกษาธิบดี (ปาน) เสนาบดีกรมพระคลัง ในรัชสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช กับท่านหยกธิดาเศรษฐีจีน

 

เสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติเป็นพระมหากษัตริย์ เมื่อวันที่ 6 เมษายน พ.ศ. 2325 ในขณะที่พระชนมายุได้ 47 พรรษา ต่อมาได้ทรงประกอบการพระราชพิธีปราบดาภิเษก เมื่อวันที่ 13 มิถุนายน พ.ศ. 2325 และทรงสถาปนาพระราชวงศ์จักรี พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชเสด็จสวรรคตเมื่อวันที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2352 ซึ่งพระราชกรณียกิจด้านต่าง ๆ ที่พระองค์ได้ทรงปฏิบัตินั้นมีความสำคัญอย่างยิ่ง ด้วยเป็นรากฐานและแบบอย่างของการพัฒนาความเป็นชาติไทยสืบต่อมาจวบจนปัจจุบัน

ตราสัญลักษณ์ พระราชพิธีสมมงคล

แบบตราสัญลักษณ์ การจัดงานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีสมมงคลพระชนมายุเท่าพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช สมเด็จพระปฐมบรมกษัตริยาธิราชแห่งพระราชวงศ์จักรี พุทธศักราช 2568 ประกอบด้วย พระบรมราชสัญลักษณ์พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช พื้นสีน้ำเงิน ประดิษฐานคู่กับอักษรพระปรมาภิไธย ว.ป.ร. (มหาวชิราลงกรณ ปรมราชาธิราช) ในกรอบพุ่มข้าวบิณฑ์ พื้นสีน้ำเงิน ระหว่างเบื้องบนดวงพระตราทั้งคู่ มีพระแสงจักร – ตรี หมายถึง ทรงเป็นสมเด็จพระมหากษัตริยาธิราชในพระราชวงศ์จักรี

 

ด้านล่างมีรูปเศียรนาคด้านอัด หมายถึง พระนักษัตรปีมะโรง อันเป็นปีพระบรมราชสมภพของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทั้งสองพระองค์ว่าทรงเจริญพระชนมพรรษาเสมอกัน ดวงพระตราทั้งสองนั้น ประดิษฐานอยู่ในปทุมอุณาโลม อันเป็นพระบรมราชสัญลักษณ์แห่งปฐมบรมราชวงศ์บนพื้นสีเขียว อันเป็นวันพระบรมราชสมภพพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ขนาบด้วยฉัตรขาวแบบโบราณอันเนื่องด้วยตราพระราชลัญจกรประจํารัชกาลปัจจุบัน

 เบื้องบนสุดประดิษฐานพระมหาพิชัยมงกุฎเบื้องล่างเป็นแพรแถบเศียรนาค สื่อถึงพระนักษัตรปีพระบรมราชสมภพของทั้งสองพระองค์ มีอักษรสีทองความว่า “พระราชพิธีสมมงคลพระชนมายุเท่าพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช” บนพื้นสีน้ำเงิน แสดงสีขัตติยชาติ

 เบื้องล่างสุด เป็นกรอบลายนาคมีอักษรสีเงินความว่า “๑๔ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๘” บนพื้นสีหงชาด (ชมพู) อันเป็นสีซึ่งเป็นอายุแห่งวันพระบรมราชสมภพ

 

พระราชพิธีสมมงคล สมัย ร.9

 

การพระราชพิธีสมมงคลพระชนมายุเท่าสมเด็จพระบูรพมหากษัตริยาธิราชเจ้า แห่งพระบรมราชจักรีวงศ์ เป็นพระราชประเพณีที่พระมหากษัตริย์ในพระราชวงศ์จักรี ทรงปฏิบัติสืบต่อกันมา โดยการจัดพระราชพิธีสมมงคลครั้งที่ผ่านมา ในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ตั้งการพระราชพิธีในลักษณะเดียวกันนี้มาแล้ว 4 วาระ คือ

1. การพระราชพิธีสมมงคลพระชนมายุเท่าสมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก เมื่อวันที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2508

2. การพระราชพิธีสมมงคลพระชนมายุเท่าพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อวันที่ 7 มกราคม พ.ศ. 2528

3. การพระราชพิธีสมมงคลพระชนมายุเท่าพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2534

4. การพระราชพิธีสมมงคลพระชนมายุเท่าพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช เมื่อวันที่ 23 พฤษภาคม พ.ศ. 2543 ซึ่งนับพระชนมวารได้ 26,469 วัน โดยครั้งนั้น พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงบำเพ็ญพระราชกุศลทักษิณานุปทาน ณ พระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย ในพระบรมมหาราชวัง ทรงพระราชอุทิศพระราชกุศลถวายแด่พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตดำรงรัฐสีมาอาณาจักร เพื่อทรงทำนุบำรุงความสุขให้แก่ประเทศและประชาชนชาวไทยสืบไป

 

กิจกรรมเฉลิมพระเกียรติ พระราชพิธีสมมงคล

รัฐบาลขอเชิญเข้าร่วมกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีสมมงคลพระชนมายุ 26,469 วัน เท่าพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชสมเด็จพระปฐมบรมกษัตริยาธิราชแห่งพระราชวงศ์จักรี ณ วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม ราชวรมหาวิหาร เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร ระหว่างวันที่ 13 – 20 มกราคม 2568 เวลา 09.00 น. เป็นต้นไป ดังนี้

  • พิธีสืบพระชะตาหลวง
  • พิธีจุดผางประทีป 26,469 ดวง ถวายองค์ราชันของแผ่นดิน (เวลา 18.39 น.)
  • สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ภายในวัด พระพุทธรูปสำคัญที่อัญเชิญมาจากสมัยรัชกาลที่ 1
  • สาธิตภูมิปัญญาเครื่องประกอบพิธีกรรม
  • การแสดงศิลปวัฒนธรรมและการละเล่นพื้นบ้าน
  • การแสดง แสง สี เสียง ประวัติศาสตร์อันยิ่งใหญ่
  • กาดมั่ว ตลาดพื้นบ้านล้านนา ย้อนวิถีชีวิตดั้งเดิม
  • การแสดงและจำหน่าย ผลิตภัณฑ์ OTOP โคก หนอง นา และสินค้าจากหมู่บ้านศีล 5 มีให้เลือกมากกว่า 300 ร้านค้า

วันที่ 14 มกราคม 2568

  • 07.30 น.  เจริญพระพุทธมนต์ ทำบุญตักบาตร
  • 09.00 น.  พิธีทางศาสนามหามงคล ถวายพระราชกุศล ส่วนกลาง ณ ท้องสนามหลวง, ภูมิภาค ณ ศาลากลางจังหวัด
  • 18.00 น.  ชมการแสดงโขน เรื่อง รามเกียรติ์ ตอน รามอยุธเยศเศวตฉัตร ณ ลานพระปฐมบรมราชานุสรณ์พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช

เฝ้าฯ รับเสด็จ พระราชพิธีสมมงคล

ขอเชิญชวนประชาชน เฝ้าฯ รับเสด็จ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินไปในการพระราชพิธีทรงบำเพ็ญพระราชกุศลทักษิณานุปทาน เนื่องในโอกาสพระราชพิธีสมมงคล ในวันอังคารที่ 14 มกราคม 2568 เวลา 17.00 น. ณ พระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย พระบรมมหาราชวัง

 รถรับ-ส่ง ฟรี พระราชพิธีสมมงคล

ขสมก. จัดเดินรถเฉพาะกิจให้บริการฟรี 3 เส้นทาง อำนวยความสะดวกให้กับประชาชน ร่วมงานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีสมมงคล ณ ท้องสนามหลวง และวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม วันที่ 13-20 มกราคม 2568 ดังนี้

เส้นทางที่ อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ (ฝั่งเกาะพญาไท) – วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม – สนามหลวง ให้บริการเวลา 08.00-20.00 น. โดยจะปล่อยรถโดยสารทุก ๆ 20 นาที หรือจนกว่าจะส่งประชาชนออกจากพื้นที่หมด

เส้นทางที่ 2 วงเวียนใหญ่ – วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม – สนามหลวง ให้บริการเวลา 08.00-20.00 น. โดยจะปล่อยรถโดยสารทุก ๆ 20 นาที หรือจนกว่าจะส่งประชาชนออกจากพื้นที่หมด

เส้นทางที่ 3 วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม – สนามหลวง ให้บริการตั้งแต่เวลา 08.30-20.30 น. โดยจะปล่อยรถโดยสารทุก ๆ 20 นาที หรือจนกว่าจะส่งประชาชนออกจากพื้นที่หมด

 

ขอบพระคุณข้อมูล : ประชาชาติธุรกิจ >>> https://www.prachachat.net/d-life/news-1733180


 กำหนดการ (จังหวัดกำแพงเพชร)

การจัดกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
เนื่องในโอกาสพระราชพิธีสมโภชพระชนมายุเท่าพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช
สมเด็จพระปฐมบรมกษัตริยาธิราชแห่งพระราชวงศ์จักรี
พุทธศักราช 2568

วันอังคารที่ 14 มกราคม 2568
ณ หอประชุมใหญ่ ศูนย์ราชการจังหวัดกำแพงเพชร


เวลา 08.00 น.

  • ผู้ร่วมพิธีพร้อมกัน ณ บริเวณพิธี
  • พระสงฆ์จำนวน 30 รูปนั่งประจำอาสน์สงฆ์

เวลา 09.00 น.

  • ผู้ว่าราชการจังหวัดกำแพงเพชร ประธานในพิธีเดินทางมาถึงบริเวณพิธี
  • เปิดเพลงมหาฤกษ์
  • ผู้ว่าราชการจังหวัดกำแพงเพชรประกอบพิธี ดังนี้:
    1. ถวายความเคารพ พระบรมสาทิสลักษณ์พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช
    2. จุดธูปเทียนเครื่องทองน้อย
    3. กราบ 1 ครั้ง (ไม่แบมือ) ถวายความเคารพ
    4. ถวายความเคารพ พระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
    5. ถวายธูปเทียนแพ (เปิดกรวย)
  • กล่าวคำถวายพระพรชัยมงคล
  • บรรเลงเพลง สรรเสริญพระบารมี
  • พระสงฆ์เจริญชัยมงคลคาถา

พิธีทางศาสนา

  • พุทธศาสนา
    • ประธานในพิธีจุดเทียนบูชาพระรัตนตรัย
    • อาราธนาศีล โดยประธานสงฆ์ให้ศีล
    • พระสงฆ์เจริญพระพุทธมนต์
    • ประธานในพิธีและข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ถวายจตุปัจจัยไทยธรรม
    • พระสงฆ์อนุโมทนา ประธานในพิธีกรวดน้ำ รับพร
  • ศาสนาอิสลาม
    • ผู้นำศาสนาอิสลามประกอบพิธีดุอาอ์ขอพร
  • ศาสนาคริสต์
    • ผู้นำศาสนาคริสต์ประกอบพิธีธิษฐานขอพร

เสร็จสิ้นพิธีการ

  • ผู้ว่าราชการจังหวัดกราบลาพระรัตนตรัย
  • ถวายความเคารพเบื้องหน้าพระบรมสาทิสลักษณ์และพระบรมฉายาลักษณ์
  • มอบของที่ระลึกแก่ประธานสงฆ์และผู้นำศาสนา


หมายเหตุ
กำหนดการอาจมีการเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสม

 


10 พระราชกรณียกิจน่ารู้ ของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร รัชกาลที่ 10

พระราชกรณียกิจที่สำคัญ ใน สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร รัชกาลที่ 10 พระมหากษัตริย์ที่เปี่ยมด้วยพระอัจฉริยภาพและความสามารถทางด้านการศึกษา การทหาร กีฬา ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ และอื่นๆ พระองค์ทรงอุทิศพระวรกายในการประกอบพระราชกรณียกิจต่างๆมากมาย

มาตั้งแต่ยังทรงพระเยาว์ เริ่มตั้งแต่การเสด็จพระราชดำเนินไปยังภูมิภาคต่างๆ ทอดพระเนตรความเป็นอยู่ และทุกข์สุขของราษฎร เพื่อเรียนรู้แนวทางการพระราชทานความช่วยเหลือ ทั้งการพัฒนาอาชีพ พัฒนาแหล่งน้ำ และชีวิตความเป็นอยู่ของราษฎรผู้ยากไร้ในถิ่นทุรกันดาร เนื่องในโอกาสพระราชพิธีบรมราชาภิเษก เราจึงได้รวบรวบ 10 พระราชกรณียกิจที่สำคัญ ของในหลวง ร.10 ในด้านต่างๆ มาให้ชมกัน ดังนี้

1. ด้านการศึกษา

สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ทรงพระกรุณาพระราชทานพระราชทรัพย์ร่วมสนับสนุนให้กรมสามัญศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ ก่อตั้งโรงเรียนมัธยมศึกษาในถิ่นทุรกันดาร 6 แห่ง ทรงรับโรงเรียนไว้ในพระราชูปถัมภ์ พระราชทานวัสดุอุปกรณ์การศึกษาที่ทันสมัย เช่น คอมพิวเตอร์ โทรทัศน์ วิดีทัศน์ และในด้านการอุดมศึกษา

2. ด้านการแพทย์และสาธารณสุข

สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ทรงตระหนักว่าสุขภาพพลานามัยอันดีของประชาชนเป็นปัจจัยสำคัญของการสร้างสรรค์ทรัพยากรบุคคล จึงทรงสนพระราชหฤทัยในการประกอบพระราชกณียกิจ เช่น เมื่อรัฐบาลได้น้อมเกล้าน้อมกระหม่อมถวายโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราช 21 แห่งทั่วประเทศ พระองค์ก็ได้ทรงพระอุตสาหะเสด็จฯ ไปทรงประกอบพิธีเปิดโรงพยาบาลทุกแห่งและทรงเยี่ยมโรงพยาบาลอย่างสม่ำเสมอ รวมทั้งพระราชทานพระราชทรัพย์สนับสนุนให้มีอุปกรณ์การแพทย์ เครื่องมือเครื่องใช้ที่ทันสมัย

3. ด้านสังคมสงเคราะห์

สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ทรงพระกรุณาห่วงใยการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชน โดยเฉพาะเยาวชนที่ด้อยโอกาส ได้เสด็จฯ ไปทรงเยี่ยมชุมชนแออัดของกรุงเทพฯ หลายแห่ง เช่น ชุมชนแออัดพระโขนง เขตคลองเตย เขตยานนาวา พระราชทานพระราชทรัพย์สนับสนุนโครงการของชุมชน เช่น โครงการพัฒนาเด็กเล็กที่ขาดแคลน โครงการปราบปรามยาเสพติด

4. ด้านการต่างประเทศ

ทรงเสด็จพระราชดำเนินแทนพระองค์พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ไปทรงเยือนมิตรประเทศทั่วทุกทวีป เช่น ประเทศอิตาลี สาธารณรัฐประชาชนจีน ญี่ปุ่น อิหร่าน เนปาล สาธารณรัฐสังคมนิยมประชาธิปไตยศรีลังกา สาธารณรัฐเปรู ออสเตรเลีย สิงคโปร์ นอกจากจะมุ่งเจริญสัมพันธไมตรีแล้ว ยังทรงสนพระราชหฤทัยในการทอดพระเนตรและศึกษากิจการต่างๆ ที่จะทรงนำประโยชน์มาใช้ในการพัฒนาประเทศไทย เช่น เสด็จฯ ไปทรงเยี่ยมชมกิจการทหาร ศิลปวัฒนธรรม อุตสาหกรรมและความเป็นอยู่ของประชาชน

5. ด้านเกษตรกรรม

สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร เมื่อครั้งยังเป็นสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ เสด็จพระราชดำเนินไปทรงทำปุ๋ยหมักจากผักตบชวาและวัชพืชอื่น ๆ เป็นปฐมฤกษ์ เพื่อพระราชทานแก่เกษตรกร สำหรับนำไปใช้ในการเพาะปลูกเป็นการเพิ่มผลผลิต ที่บ้านแหลมสะแก ตำบลเดิมบาง อำเภอเดิมบางนางบวช จังหวัดสุพรรณบุรี เมื่อวันที่ 23 มีนาคม พ.ศ. 2528 นอกจากนี้ยังทรงบำเพ็ญพระราชกรณียกิจเพื่อส่งเสริมกิจการด้านเกษตรกรรม เช่น เสด็จฯ แทนพระองค์ในการพระราชพิธีพืชมงคล

6. ด้านพระศาสนา

ทรงเสด็จฯ แทนพระองค์ไปปฏิบัติพระราชกรณียกิจทางศาสนาเป็นประจำสม่ำเสมอ เช่น ทรงเปลี่ยนเครื่องทรงพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร ณ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม ตามฤดูกาล รวมถึงการเสด็จพระราชดำเนินไปในการพระราชทานถ้วยรางวัล การทดสอบการอัญเชิญพระมหาคัมภีร์อัลกุรอ่านระดับประเทศ

7. ด้านการกีฬา

ทรงพระราชทานพระราชานุญาตให้จัดงานกิจกรรมปั่นจักรยาน “Bike อุ่นไอรัก” ในงาน “อุ่น ไอรัก คลายความหนาว สายน้ำแห่งรัตนโกสินทร์” ทรงพระราชทานเสื้อสำหรับใส่ปั่นจักรยาน และน้ำดื่มพระราชทาน ให้กับประชาชนผู้ที่เข้าร่วมกิจกรรม และทรงนำประชาชนปั่นจักรยาน “Bike อุ่นไอรัก” เส้นทางพระลานพระราชวังดุสิต – สวนสุขภาพลัดโพธิ์ อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ รวมระยะทางไปกลับ 39 กม. กำหนดจัดขึ้นเวลา 15.00 น. ในวันที่ 9 ธ.ค. 2561 โดยกิจกรรมนี้พระราชานุญาตให้จัดขึ้นเพื่อเป็นการแสดงให้เห็นว่าสถาบันพระมหากษัตริย์กับประชาชนมีความใกล้ชิดกัน อีกทั้งผู้ที่ร่วมกิจกรรมปั่นจักรยานยังแสดงให้เห็นการรวมพลังความสามัคคีของคนไทยทั้งชาติ และเห็นความสำคัญในการออกกำลังกายและส่งเสริมสุขภาพร่างกายให้แข็งแรงสมบูรณ์

8. ด้านการทหาร

ทรงสนพระราชหฤทัยในวิทยาการด้านการทหารมาตั้งแต่ยังทรงพระเยาว์ นอกจากทรงรับการศึกษาด้านการทหารจากประเทศออสเตรเลียแล้ว ยังทรงพระวิริยะอุตสาหะเพิ่มพูนความรู้และประสบการณ์อยู่ตลอดเวลา โดยเฉพาะในด้านวิทยาการการบิน ทรงรับราชการทหารมาโดยตลอดตั้งแต่วันที่ 9 ม.ค.2518 และทรงดำรงพระยศทางทหารของ 3 เหล่าทัพ คือ พล.อ. พล.ร.อ. พล.อ.อ. โดยทรงเข้าร่วมปฏิบัติการรบในการต่อต้านการก่อการร้ายในภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ รวมทั้งการคุ้มกันพื้นที่ในบริเวณรอบค่ายผู้อพยพชาวกัมพูชา ที่เขาล้าน จ.ตราด อีกทั้งยังเสด็จพระราชดำเนินไปในพิธีการด้านทหาร อาทิ งานวันราชวัลลภ

9. ด้านการบิน

พ.ศ. 2552 ทรงปฏิบัติหน้าที่นักบินที่ 1 เครื่องบินโบอิ้ง 737–400 ในเที่ยวบินสายใยรักแห่งครอบครัว ช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย และจัดหาอุปกรณ์ด้านการแพทย์ สำหรับโรงพยาบาลใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้, (เที่ยวบินที่ ทีจี 8870 (กรุงเทพมหานครถึงจังหวัดเชียงใหม่) และเที่ยวบินที่ ทีจี 8871 (จังหวัดเชียงใหม่ถึงกรุงเทพมหานคร)

10. ด้านราชการ

9 มกราคม พ.ศ. 2535 – ปัจจุบัน ทรงดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการถวายความปลอดภัย สำนักผู้บัญชาการทหารสูงสุด ปัจจุบันคือ หน่วยบัญชาการถวายความปลอดภัยรักษาพระองค์ เป็นส่วนราชการในพระองค์

 

ขอบพระคุณข้อมูล : สำนักงานศึกษาธิการ ภาค 10