Election Commission of Thailand

กฎหมาย 180 วันก่อนครบวาระ! ข้อจำกัดการหาเสียงเลือกตั้งท้องถิ่นตาม พ.ร.บ. การเลือกตั้งท้องถิ่น พ.ศ. 2562

ความรู้เกี่ยวกับการเลือกตั้ง

11 ตุลาคม 2567

39651/

54

การเลือกตั้งท้องถิ่นมีกรอบกฎหมายที่ชัดเจนในการกำกับดูแลวิธีการหาเสียง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วง 180 วันก่อนครบวาระของผู้บริหารท้องถิ่นหรือตำแหน่งที่หมดวาระ ซึ่งมีกฎระเบียบและข้อบังคับในการดำเนินการหาเสียงเพื่อให้เป็นธรรมต่อผู้สมัครทุกคน พระราชบัญญัติการเลือกตั้งท้องถิ่น พ.ศ. 2562 และระเบียบที่เกี่ยวข้อง ได้กำหนดรายละเอียดที่ครอบคลุมในการหาเสียงสำหรับผู้สมัครในช่วงเวลาดังกล่าว โดยมีประเด็นสำคัญที่ต้องทราบดังนี้:

ระยะเวลาการหาเสียงตามกรอบ 180 วัน

1.   1. เริ่มต้นการหาเสียง

·         พระราชบัญญัติการเลือกตั้งท้องถิ่น พ.ศ. 2562 กำหนดให้ผู้สมัครสามารถเริ่มหาเสียงได้ตั้งแต่ 180 วันก่อนครบวาระของผู้บริหารท้องถิ่นที่ดำรงตำแหน่ง การกำหนดกรอบเวลา 180 วัน มีวัตถุประสงค์เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการใช้ตำแหน่งหน้าที่ที่ดำรงอยู่มาใช้ประโยชน์ในการหาเสียงหรือเอื้อประโยชน์ต่อตนเองและพรรคพวก ดังนั้นผู้สมัครทุกคนต้องปฏิบัติตามกรอบเวลานี้เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมในการเลือกตั้ง

·         โดยในช่วง 180 วันนี้ ผู้สมัครสามารถเริ่มนำเสนอนโยบายหรือวิสัยทัศน์ที่เกี่ยวข้องกับการบริหารงานท้องถิ่นได้อย่างเป็นทางการ เพื่อให้ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งได้รับข้อมูลเกี่ยวกับตัวผู้สมัครอย่างชัดเจนและทั่วถึง การเลือกตั้งท้องถิ่นมีลักษณะเฉพาะคือ ผู้สมัครหลายรายอาจมาจากกลุ่มหรือพรรคการเมืองที่แตกต่างกัน ดังนั้น การกำหนดช่วงเวลาในการหาเสียงที่แน่นอนจึงช่วยป้องกันการใช้กลยุทธ์ที่อาจทำให้ผู้สมัครบางรายได้เปรียบมากกว่ารายอื่น

·         นอกจากนี้ ในระหว่างช่วงเวลา 180 วันนี้ กกต. จะมีหน้าที่กำกับดูแลการหาเสียงเพื่อให้เป็นไปตามระเบียบที่เกี่ยวข้อง การฝ่าฝืนข้อกำหนดการหาเสียงอาจส่งผลให้ผู้สมัครถูกลงโทษทางกฎหมายหรือถูกตัดสิทธิ์การสมัครรับเลือกตั้ง

2.    2. ระยะเวลาหาเสียงก่อนวันเลือกตั้ง
ระยะเวลาหาเสียงจะสิ้นสุดลงใน เวลา 18:00 น. ของวันก่อนวันเลือกตั้ง ซึ่งหมายความว่าผู้สมัครมีเวลาในการหาเสียงจนถึงช่วงเย็นของวันก่อนที่ประชาชนจะลงคะแนนเสียงในวันเลือกตั้ง โดยการหาเสียงที่ทำหลังจากช่วงเวลานี้ถือเป็นสิ่งที่ผิดกฎหมายอย่างเคร่งครัด

3.    3. สิ่งที่ห้ามทำในช่วงเวลาการหาเสียง

แม้ว่าผู้สมัครจะสามารถดำเนินการหาเสียงได้ในช่วงเวลาที่กฎหมายกำหนด แต่ก็มีข้อกำหนดที่ผู้สมัครต้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด เพื่อให้แน่ใจว่าการหาเสียงเป็นไปอย่างถูกต้องและโปร่งใส ดังนี้:

3.1 ห้ามหาเสียงในวันเลือกตั้ง
การหาเสียงต้องหยุดลงตั้งแต่เวลา 18:00 น. ของวันก่อนวันเลือกตั้ง กฎหมายกำหนดให้วันเลือกตั้งเป็นวันสงบ ซึ่งประชาชนต้องมีอิสระในการตัดสินใจว่าจะลงคะแนนให้ใครโดยไม่มีการชักจูงหรือรบกวนจากผู้สมัคร การกระทำใด ๆ ที่เข้าข่ายเป็นการหาเสียงในวันเลือกตั้ง เช่น การพูดจูงใจ การแจกจ่ายเอกสารหาเสียง หรือแม้แต่การโพสต์ข้อความในโซเชียลมีเดีย จะถือเป็นการละเมิดกฎหมายและอาจนำไปสู่การดำเนินคดีทางกฎหมาย

3.2  ห้ามใช้วิธีการที่ไม่สุจริตในการหาเสียง
การหาเสียงต้องเป็นไปตามกฎหมายและไม่กระทำการที่เข้าข่ายการทุจริต เช่น การแจกจ่ายของขวัญ เงิน หรือสิ่งของต่าง ๆ เพื่อซื้อเสียง หรือการใช้คำพูดหรือข้อมูลที่ทำลายชื่อเสียงคู่แข่ง

  

o   ผลกระทบจากการละเมิดระยะเวลาหาเสียง

หากผู้สมัครฝ่าฝืนข้อกำหนดเกี่ยวกับระยะเวลาการหาเสียง ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นมีทั้งการถูกตัดสิทธิ์จากการเป็นผู้สมัคร หรือการถูกเพิกถอนสิทธิ์ในการลงสมัครรับเลือกตั้งในครั้งต่อไป นอกจากนี้ยังอาจถูกดำเนินคดีทางอาญาตามกฎหมายเลือกตั้ง ซึ่งอาจส่งผลให้ต้องรับโทษปรับหรือจำคุก ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความร้ายแรงของการกระทำ

o   การจัดการหาเสียงให้มีประสิทธิภาพภายใต้กรอบเวลา

ในระหว่างระยะเวลาหาเสียง ผู้สมัครควรวางแผนอย่างเป็นระบบเพื่อให้การหาเสียงเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด โดยใช้ทุกช่องทางที่กฎหมายอนุญาต เช่น การจัดกิจกรรมพบปะประชาชน การใช้สื่อออนไลน์ในการประชาสัมพันธ์ หรือการติดตั้งป้ายโฆษณาตามสถานที่ที่ได้รับอนุญาต โดยควรคำนึงถึงกฎเกณฑ์และข้อห้ามที่เกี่ยวข้องเพื่อหลีกเลี่ยงการละเมิดกฎหมาย

สรุปข้อสำคัญเกี่ยวกับระยะเวลาการหาเสียง

  • เริ่มต้นการหาเสียง : 180 วันก่อนวันครบวาระการดำรงตำแหน่ง
  • สิ้นสุดการหาเสียง : เวลา 18:00 น. ของวันก่อนวันเลือกตั้ง
  • ห้ามหาเสียงในวันเลือกตั้ง : การกระทำการใด ๆ ที่เข้าข่ายการหาเสียงในวันเลือกตั้งถือเป็นการผิดกฎหมาย
  • การละเมิดกฎ : ผู้สมัครที่ฝ่าฝืนข้อกำหนดอาจถูกตัดสิทธิ์ หรือถูกดำเนินคดีตามกฎหมายเลือกตั้ง

ผู้สมัครทุกคนจึงต้องเข้าใจและปฏิบัติตามระยะเวลาการหาเสียงอย่างเคร่งครัด เพื่อให้การเลือกตั้งเป็นไปอย่างบริสุทธิ์ ยุติธรรม และเป็นที่ยอมรับของสังคม

 

2. แนวทางปฏิบัติ มาตรา 65 ของ พระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ. 2562 มีการระบุข้อห้ามที่ชัดเจนเกี่ยวกับพฤติกรรมที่ผู้สมัครรับเลือกตั้งและบุคคลอื่นไม่สามารถกระทำได้ในการเลือกตั้งท้องถิ่น เพื่อรักษาความเป็นธรรมและความโปร่งใสในการเลือกตั้ง ข้อห้ามเหล่านี้ถือเป็นข้อกำหนดสำคัญที่ผู้สมัครต้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด มิฉะนั้นจะถือว่าผิดกฎหมายเลือกตั้งและอาจได้รับบทลงโทษ

ข้อห้ามตามมาตรา 65

ใน มาตรา 65 ได้ระบุข้อห้ามที่สำคัญไว้ดังนี้:

  1. ห้ามให้ ทรัพย์สิน หรือ ผลประโยชน์อื่นใดแก่ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง
    ผู้สมัครและบุคคลอื่นห้ามแจกจ่ายทรัพย์สิน เงิน หรือสิ่งของใดๆ เพื่อจูงใจหรือหวังผลให้ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งลงคะแนนเสียงให้ การให้ผลประโยชน์หรือของมีค่าถือว่าเป็นการซื้อเสียง ซึ่งเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายและทำลายความสุจริตของกระบวนการเลือกตั้ง
  2. ห้ามจัดเลี้ยงหรือมอบความบันเทิง
    การจัดงานเลี้ยงอาหารหรือเครื่องดื่ม รวมถึงการให้บริการด้านความบันเทิง เช่น การจัดการแสดงดนตรีหรือกิจกรรมบันเทิงใด ๆ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมให้ประชาชนลงคะแนนเสียงให้ผู้สมัคร ถือเป็นสิ่งต้องห้ามตามกฎหมายเลือกตั้ง
  3. ห้ามใช้วิธีการข่มขู่หรือใช้กำลังบังคับ
    ห้ามใช้วิธีการข่มขู่ คุกคาม หรือบังคับผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งให้ลงคะแนนเสียงให้กับผู้สมัคร หรือห้ามการกระทำใด ๆ ที่ทำให้ประชาชนเกิดความกลัวหรือไม่สามารถลงคะแนนตามความต้องการของตนเองได้
  4. ห้ามใช้ข่าวสารหรือข้อมูลเท็จ
    ห้ามเผยแพร่ข่าวสาร ข้อมูล หรือข้อความที่เป็นเท็จ หรือบิดเบือนความจริงเพื่อทำให้เกิดความเสียหายแก่ผู้สมัครคนอื่น หรือเพื่อสร้างความได้เปรียบในการเลือกตั้ง การกระทำเช่นนี้จะทำให้เกิดการเลือกตั้งที่ไม่เป็นธรรม
  5. ห้ามใช้ทรัพยากรของรัฐเพื่อประโยชน์ส่วนตนในการเลือกตั้ง
    ผู้สมัครหรือบุคคลอื่นที่เกี่ยวข้อง ห้ามใช้ทรัพยากรของรัฐ เช่น บุคลากร, สถานที่, ยานพาหนะ, หรือวัสดุอุปกรณ์ของทางราชการ เพื่อช่วยเหลือในกิจกรรมการหาเสียงหรือกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้งโดยเด็ดขาด

บทลงโทษสำหรับการฝ่าฝืนมาตรา 65

การฝ่าฝืนข้อห้ามตามมาตรา 65 จะถือเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายอย่างร้ายแรง หากพบว่าผู้สมัครรับเลือกตั้งกระทำการตามที่ระบุไว้ในมาตรา 65 จะมีบทลงโทษที่รุนแรง เช่น

  • ถูกตัดสิทธิ์จากการเลือกตั้ง
  • ถูกเพิกถอนสิทธิ์สมัครรับเลือกตั้งในครั้งถัดไป
  • อาจถูกดำเนินคดีทางอาญาและรับโทษจำคุกหรือปรับ ขึ้นอยู่กับความร้ายแรงของการกระทำ

การปฏิบัติตามกฎเกณฑ์และข้อห้ามตามมาตรา 65 จึงเป็นสิ่งที่ผู้สมัครรับเลือกตั้งและผู้สนับสนุนควรตระหนักอย่างเคร่งครัด เพื่อให้การเลือกตั้งเป็นไปอย่างโปร่งใสและยุติธรรม


ในมาตรา 65 วรรค 2 มีข้อกำหนดที่ห้ามมิให้ผู้สมัคร หรือผู้ดำรงตำแหน่งบริหารในท้องถิ่นกระทำดังต่อไปนี้:

  1. ห้ามอนุมัติงบประมาณ โครงการ หรือสัญญาใด ๆ ที่มีลักษณะให้ประโยชน์แก่กลุ่มบุคคลใดบุคคลหนึ่งในช่วงการเลือกตั้ง
    ผู้สมัครที่ดำรงตำแหน่งบริหาร หรือผู้ที่มีอำนาจในองค์กรท้องถิ่น ห้ามใช้อำนาจหน้าที่ในการอนุมัติโครงการใหม่ การอนุมัติงบประมาณ หรือการลงนามในสัญญาที่อาจเอื้อประโยชน์ต่อการเลือกตั้ง เช่น การอนุมัติเงินสนับสนุน การเริ่มโครงการก่อสร้าง หรือการจัดสรรงบประมาณที่ทำให้ชุมชนได้ประโยชน์ในช่วงก่อนการเลือกตั้ง
  2. ห้ามใช้ทรัพยากรของรัฐเพื่อสร้างความนิยมแก่ตนเอง
    ห้ามใช้ทรัพยากรของรัฐ เช่น งบประมาณ วัสดุอุปกรณ์ หรือบุคลากรของรัฐ ในการดำเนินโครงการที่ส่งผลให้เกิดการสนับสนุนหรือความนิยมต่อผู้สมัครในช่วงการเลือกตั้ง การกระทำดังกล่าวจะถูกพิจารณาว่าเป็นการใช้ทรัพยากรของรัฐเพื่อประโยชน์ส่วนตัวหรือกลุ่มการเมือง ซึ่งถือเป็นการกระทำที่ไม่ยุติธรรมต่อผู้สมัครรายอื่น

วัตถุประสงค์ของข้อห้าม

ข้อห้ามนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้ดำรงตำแหน่งบริหารที่มีอำนาจในท้องถิ่นใช้ทรัพยากรสาธารณะ หรืออำนาจทางกฎหมายในการอนุมัติโครงการที่อาจเอื้อประโยชน์ต่อตนเองหรือกลุ่มการเมืองของตนในช่วงใกล้การเลือกตั้ง ซึ่งอาจทำให้เกิดความไม่ยุติธรรมในการเลือกตั้ง

บทลงโทษ

หากผู้ดำรงตำแหน่งบริหารหรือผู้สมัครกระทำการอนุมัติโครงการ หรือใช้งบประมาณของรัฐเพื่อประโยชน์ส่วนตัวในช่วงการเลือกตั้ง ผู้กระทำความผิดอาจถูกตัดสิทธิ์การสมัครรับเลือกตั้ง ถูกเพิกถอนผลการเลือกตั้ง หรืออาจถูกดำเนินคดีทางอาญา

ข้อห้ามนี้จึงเป็นข้อกำหนดที่สำคัญในการรักษาความเป็นธรรมของการเลือกตั้งท้องถิ่น

 

โครงการที่สามารถอนุมัติได้ในช่วงการเลือกตั้งท้องถิ่น ตาม มาตรา 65 วรรค 2 ของ พระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ. 2562 จะต้องไม่เข้าข่ายการใช้อำนาจในลักษณะที่เป็นการเอื้อประโยชน์ต่อการเลือกตั้งของผู้สมัครหรือพรรคพวก นอกจากนี้ โครงการที่จะอนุมัติได้จะต้องเป็นโครงการที่มีการดำเนินการตามปกติ หรือเป็นงานที่ดำเนินการต่อเนื่องมาจากงบประมาณหรือแผนการที่ได้รับอนุมัติก่อนที่จะมีการประกาศเลือกตั้ง

โครงการที่อนุมัติได้:

  1. โครงการหรือสัญญาที่ได้รับการอนุมัติก่อนการประกาศเลือกตั้ง
    โครงการที่มีการอนุมัติงบประมาณหรือสัญญาไว้แล้วก่อนหน้าที่จะมีการประกาศการเลือกตั้ง สามารถดำเนินการได้ตามปกติ เช่น โครงการพัฒนาท้องถิ่นที่มีอยู่แล้วในแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมท้องถิ่น หรือโครงการที่ได้รับงบประมาณแล้วแต่ยังอยู่ในระหว่างดำเนินการ เช่น การก่อสร้างถนนหรือสะพานที่เริ่มก่อนการประกาศเลือกตั้ง
  2. โครงการที่เป็นการดำเนินงานตามภารกิจประจำ
    โครงการที่เป็นงานประจำของหน่วยงานราชการ หรือเป็นภารกิจต่อเนื่อง เช่น การซ่อมแซมโครงสร้างพื้นฐาน การจัดการน้ำเสีย การจัดเก็บขยะ หรือการบริการสาธารณะอื่น ๆ ที่ดำเนินการอย่างต่อเนื่อง สามารถอนุมัติและดำเนินการได้ เนื่องจากเป็นหน้าที่ตามปกติของหน่วยงานและไม่ได้เกี่ยวข้องกับการหาเสียงเลือกตั้ง
  3. โครงการที่ไม่เกี่ยวข้องกับการใช้ทรัพยากรเพื่อประโยชน์ทางการเมือง
    การอนุมัติโครงการที่ไม่เกี่ยวข้องกับการสร้างความนิยมแก่ผู้สมัครรับเลือกตั้ง หรือไม่ได้เป็นการใช้ทรัพยากรของรัฐเพื่อเอื้อประโยชน์แก่ตนเองหรือพรรคพวก เช่น การจัดการประชุมทางวิชาการ การศึกษา การประชุมเชิงปฏิบัติการ หรือกิจกรรมส่งเสริมความร่วมมือระหว่างหน่วยงานที่มีการวางแผนไว้ก่อนหน้านี้

ข้อควรระวัง:

  • โครงการที่เกี่ยวข้องกับการแจกจ่ายทรัพยากรสาธารณะ เช่น การแจกของหรือเงินช่วยเหลือประชาชน ควรหลีกเลี่ยงในช่วงเวลาหาเสียง เนื่องจากอาจถูกมองว่าเป็นการสร้างความนิยมในเชิงการเมือง
  • โครงการที่เกี่ยวข้องกับการประชาสัมพันธ์ตนเองของผู้สมัคร ห้ามดำเนินการในช่วงการหาเสียง เนื่องจากอาจเข้าข่ายเป็นการใช้ทรัพยากรของรัฐเพื่อสร้างความนิยม

สรุป : โครงการที่จะอนุมัติได้ในช่วงการเลือกตั้งท้องถิ่นต้องเป็นโครงการที่ไม่มีความเกี่ยวข้องกับการสร้างความนิยมในเชิงการเมือง และควรเป็นโครงการที่ได้อนุมัติก่อนที่จะมีการประกาศเลือกตั้งหรือเป็นงานที่ดำเนินการตามภารกิจปกติของหน่วยงาน

 

3. แนวทางการหาเสียงกับสิ่งที่ทำได้และข้อห้ามสำหรับผู้สมัครรับเลือกตั้งท้องถิ่นตามกฎหมายการเลือกตั้งท้องถิ่น


การเลือกตั้งท้องถิ่น เป็นกระบวนการสำคัญที่ช่วยให้ประชาชนได้เลือกตัวแทนของตนเองเพื่อทำหน้าที่ในหน่วยงานระดับท้องถิ่น เช่น สมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น การเลือกตั้งดังกล่าวมีกฎระเบียบที่ชัดเจนและเข้มงวดเพื่อให้การเลือกตั้งดำเนินไปอย่างโปร่งใส ยุติธรรม และมีความน่าเชื่อถือ ผู้สมัครรับเลือกตั้งท้องถิ่นจำเป็นต้องเข้าใจและปฏิบัติตามข้อกำหนดของ พระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ. 2562 รวมถึง ระเบียบคณะกรรมการการเลือกตั้ง ที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด ซึ่งรวมถึงเรื่องของการหาเสียงและลักษณะต้องห้ามในการหาเสียง

สิ่งที่ผู้สมัครทำได้:

  1. หาเสียงตามช่วงเวลาที่กฎหมายกำหนด
    ผู้สมัครสามารถทำการหาเสียงได้ตั้งแต่วันที่ประกาศรับสมัครจนถึงก่อนวันเลือกตั้ง 1 วัน (โดยกฎหมายกำหนดห้ามหาเสียงในวันเลือกตั้ง) วิธีการหาเสียงสามารถทำได้หลายรูปแบบ เช่น การพูดคุยกับประชาชน การแจกใบปลิว การติดตั้งป้ายหาเสียงในพื้นที่ที่ได้รับอนุญาต หรือการโฆษณาผ่านสื่อออนไลน์ เช่น Facebook, YouTube แต่ต้องระวังไม่ให้เนื้อหาการหาเสียงละเมิดข้อห้ามทางกฎหมาย
  2. ใช้จ่ายงบประมาณในการหาเสียงภายใต้กรอบที่กฎหมายกำหนด
    ผู้สมัครสามารถใช้งบประมาณเพื่อสนับสนุนกิจกรรมการหาเสียงของตนเองได้ แต่ต้องไม่เกินวงเงินที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กำหนด โดยงบประมาณนี้อาจรวมถึงการพิมพ์ป้ายหาเสียง การโฆษณาทางสื่อ และค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการหาเสียง
  3. รายงานค่าใช้จ่ายในการหาเสียง
    ภายหลังการเลือกตั้ง ผู้สมัครต้องทำรายงานค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นในระหว่างการหาเสียงและส่งรายงานดังกล่าวให้กับ กกต. ภายในระยะเวลาที่กำหนด หากไม่ปฏิบัติตาม อาจมีบทลงโทษหรือถูกตัดสิทธิ์
  4. การหาเสียงผ่านสื่อออนไลน์
    การใช้สื่อออนไลน์ในการหาเสียงเป็นเรื่องที่ได้รับความนิยมมากขึ้น ผู้สมัครสามารถโฆษณาและเผยแพร่ข้อมูลหาเสียงผ่าน Facebook, Line, หรือ YouTube ได้ แต่ต้องเป็นไปตามข้อกำหนดเรื่องเนื้อหาและไม่ใช่การบิดเบือนข้อเท็จจริงหรือทำลายชื่อเสียงของผู้สมัครคนอื่น
  5. การพูดคุยและนำเสนอนโยบาย
    ผู้สมัครมีสิทธิ์ที่จะสื่อสารนโยบายหรือวิสัยทัศน์ที่ตนเองต้องการนำไปปฏิบัติผ่านช่องทางต่าง ๆ ได้ตามปกติ เช่น การพบปะประชาชน การจัดเวทีหาเสียง หรือการพูดคุยผ่านวิทยุและโทรทัศน์

สิ่งที่ผู้สมัครห้ามทำ:

  1. ห้ามแจกจ่ายของหรือเงินให้กับผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง
    การแจกเงินหรือสิ่งของมีค่าถือเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายอย่างชัดเจน เพราะเป็นการซื้อเสียง ซึ่งส่งผลกระทบต่อความบริสุทธิ์ยุติธรรมของการเลือกตั้ง ผู้สมัครต้องไม่แจกเงิน ของขวัญ หรือสิ่งมีค่าต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นทางตรงหรือทางอ้อมเพื่อโน้มน้าวให้ประชาชนลงคะแนนให้
  2. ห้ามใช้ถ้อยคำหมิ่นประมาทหรือการกระทำที่ทำลายชื่อเสียงคู่แข่ง
    ในระหว่างการหาเสียง ผู้สมัครต้องหลีกเลี่ยงการใช้คำพูดหรือข้อความที่เป็นการดูหมิ่น เหยียดหยาม หรือทำให้ผู้สมัครคนอื่นเสื่อมเสียชื่อเสียง นอกจากนี้ยังต้องหลีกเลี่ยงการให้ข้อมูลเท็จที่ทำให้ประชาชนเกิดความเข้าใจผิดเกี่ยวกับคู่แข่ง
  3. ห้ามใช้ทรัพยากรของหน่วยงานรัฐเพื่อการหาเสียง
    การนำทรัพยากรของรัฐ เช่น บุคลากร, ยานพาหนะ, อุปกรณ์, หรือสถานที่ราชการ ไปใช้ในการหาเสียงเป็นสิ่งที่กฎหมายห้ามอย่างเด็ดขาด ผู้สมัครต้องไม่ใช้อำนาจหรืออิทธิพลใด ๆ เพื่อได้รับความได้เปรียบจากทรัพยากรของรัฐ
  4. ห้ามหาเสียงในวันเลือกตั้ง
    ในวันเลือกตั้ง ผู้สมัครห้ามทำกิจกรรมใด ๆ ที่เป็นการหาเสียง ไม่ว่าจะเป็นการแจกใบปลิว ติดตั้งป้ายหาเสียง หรือโพสต์ข้อความผ่านโซเชียลมีเดียที่เป็นการชักจูงให้ลงคะแนนเสียง เนื่องจากถือว่าเป็นการละเมิดกฎหมายเลือกตั้งที่เข้มงวด
  5. ห้ามแทรกแซงกระบวนการลงคะแนนเสียง
    ผู้สมัครต้องไม่กระทำการใด ๆ ที่เป็นการขัดขวางหรือก้าวก่ายกระบวนการลงคะแนนเสียง ไม่ว่าจะเป็นการข่มขู่ประชาชน หรือการนำเสนอข้อมูลเท็จที่ทำให้ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งไม่สามารถตัดสินใจได้อย่างอิสระ
  6. ห้ามใช้สัญลักษณ์ราชการ
    ผู้สมัครห้ามใช้ตราสัญลักษณ์ของหน่วยงานราชการ หรือเครื่องหมายที่มีความเชื่อมโยงกับรัฐบาลในการหาเสียง เนื่องจากเป็นการทำให้เกิดความเข้าใจผิดว่าผู้สมัครได้รับการสนับสนุนจากหน่วยงานรัฐ

การปฏิบัติตามกฎหมายและระเบียบที่กำหนดจะทำให้การเลือกตั้งท้องถิ่นดำเนินไปอย่างสุจริต โปร่งใส และเป็นธรรมต่อผู้สมัครทุกคน การละเมิดกฎเกณฑ์เหล่านี้อาจนำไปสู่การถูกตัดสิทธิ์การลงสมัครหรือการดำเนินคดีตามกฎหมาย

ศึกษาระเบียบกฎหมายเพิ่มเติม

 พระราชบัญญัติ การเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ. 2562 

พระราชบัญญัติ การเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2566

ระเบียบคณะกรรมการการเลือกตั้ง ว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ. 2562

ระเบียบคณะกรรมการการเลือกตั้ง ว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2563

ระเบียบคณะกรรมการการเลือกตั้ง ว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2564

ระเบียบคณะกรรมการการเลือกตั้ง ว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2566

ระเบียบคณะกรรมการการเลือกตั้ง ว่าด้วยวิธีการหาเสียงและลักษณะต้องห้ามในการหาเสียงเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ. 2563

ระเบียบคณะกรรมการการเลือกตั้ง ว่าด้วยวิธีการหาเสียงและลักษณะต้องห้ามในการหาเสียงเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่น หรือผู้บริหารท้องถิ่น (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2563